ขอยืนยัน กำหนดการณ์เชิญประชุมเครือข่ายผู้ปกครอง ในวันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2553 เวลา 09.00 น. ณ โรงเรียนบูรพาวิทยา
ต้องขอโทษผู้ปกครองหลายๆ ท่านด้วย ทีอาจไม่ทราบกำหนดการประชุมนี้ทั้งหมด เพราะมีการประสานขออนุญาต การใช้สถานที่แล้ว และร้อทำหนังสือร้องขอตามที่ผู้บริหารเขตต้องการ คือ ทำหนังสือเชิญผู้ปกครองประชุม จนมีการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรที่โรงเรียนบูรพาวิทยา โดยตัวแทนผู้ปกครอง และรักษาการณ์ผู้ปกครองไปแล้ว
แต่เป็นไปอย่างที่คาดไว้ คือถูกปิดกั้นจากอิทธิพลอย่างที่ทราบกันดีเหมือนที่เคยเป็นมา และเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า บทบาทอำนาจแบบเดิมๆ ที่ยึดโรงเรียนราชประชาบริจาคสงเคราะห์มาเป็นสมบัติส่วนตัวยังมีอยู่ต่อไป ดั่งที่จะเห็นได้จาก ชื่อหอประชุม ยังใช้ชื่อ หอประชุมกีรติ อันมาจากนามสกุลของผู้มีอำนาจในโรงเรียน
ทำให้ ผอ.เขตการศึกษา ต้องออกหน้ามารับว่า จะขอไปจัดประชุมผู้ปกครอง พร้อมกัน ในวันที่ 13 มิถุนายน 2553 โดยจะเรียกประชุม ตามชั้นเรียน รวม 10 ชั้น ในหนึ่งวัน ก็คงละชั้นละ 30 นาที โดยอ้างเหตุผลว่า เพราะผู้ปกครองมีเยอะ เป็นพันคน จะไม่สะดวก
จึงขอเรียน ผู้ปกครองโรงเรียนบูรพาวิทยา ทุกท่าน โปรดทราบ อีกครั้งว่า
ด้วยขณะนี้ ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบูรพาวิทยา ได้ศึกษาและเห็นแนวทางแก้ไขปัญหาในโรงเรียนบูรพาวิทยา อย่างยั่งยืนและไม่ขัดหลักรัฐธรรมนูญ จึงได้รวมกำลังกันจัดตั้ง เครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนบูรพาวิทยา ชลบุรีขึ้น เพื่อมาช่วยเสริมประสิทธิภาพของโรงเรียนบูรพาวิทยา เป็นไปตาม พรบ.การศึกษา ทั้งสองฉบับ ปี พ.ศ. 2542 และ ปี พ.ศ. 2551 ฉบับล่าสุด
ทั้งนี้ การจัดตั้งเครือข่ายผู้ปกครองจะสมบูรณ์ได้ถ้าผู้ปกครองทุกท่านช่วยกันจัดตั้ง จะมามากมาน้อยก็ถือว่ามา ถ้าไม่กล้ามาวันเสาร์นี้หรือติดธุระจริงๆ มาไม่ได้สามารถฝากรายชื่อและมาลงชื่อวันหลังได้
เพื่อรวบรวมรายชื่อและแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมกัน ก่อนส่งรายชื่อ ให้ รักษาการณ์ผู้อำนวยการเขต ลงนาม ต่อไป
และหากไม่มีการลงนามให้ หรือมีการขัดขวางไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่โรงเรียนบูรพาวิทยา เพื่อปิดกั้นการจัดตั้งเครือข่ายผู้ปกครอง
โดยการร่วมมือกันของ เขตการศึกษา สพท.ชลบุรี และ ผู้บริหารโรงเรียนชุดที่มีปัญหา และมูลนิธิส่งเสริมศีลธรรมชลบุรี
เครือข่ายผู้ปกครอง ก็จะไม่ทำการที่ขัดรัฐธรรมนูญและกฏหมายแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่เราทำไม่ได้ทำเพื่อตนเอง เพื่อใครหน้าไหน แต่เราทำเพื่อบุตรหลานของทุกๆ คน ได้พ้นจากเหลือบทางการศึกษา ที่แฝงตัวอยู่ในทุกที่ของระบบการศึกษา หากินจากค่าหัวเด็กและโอกาสทางการศึกษา
ทั้งนี้ เราจะพิจารณาเหตุการณ์ อย่างเป็นขั้นตอน เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกหลานและบุคคลทั่วไปให้เห็นว่า เราไม่ได้มาสร้างความวุ่นวายในสถานศึกษา อย่างที่เขตการศึกษาและผู้บริหารโรงเรียนกำลังโยนความผิดให้
แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าระบบการควบคุมการกำกับดูแลที่ดีกว่าใน 5 ปีที่ผ่านมา ได้สะท้อนสภาพปัญหาและระบบการตรวจสอบได้เป็นอย่างดี แม้จะมีการตรวจสอบบัญชี การประเมินผลสถานศึกษา อีกกี่สิบครั้ง ล้วนแล้วแต่เป็นการทำตามระบบที่บังคับ ตามหน้าที่
ไม่ได้ควบคุมดูแลและใช้หลักปฏิบัติงานที่เป็นสากล อย่างสุดความสามารถแต่อย่างใด บวกกับความไม่มีจิตสาธารณะของผู้บริหารโรงเรียน ที่ใช้อำนาจในการถือสิทธิ์บริหารโรงเรียนไปในทางที่ผิด อาทิ การเรียกเก็บเงินค่าเรียนพิเศษ โดนอาศัยช่องว่างตัวบทกฏหมายที่จงใจละเว้นไว้ และความต้องการของผู้ปกครองบางส่วน มาบังคับให้เรียน เพื่อหวังกดดันการห่วงคะแนนบุตรหลานของผู้ปกครอง
หากไม่ได้เรียนพิเศษจะไม่มีโอกาสและได้รับการตัดคะแนนตามมาฯ และการนำเงินบริจาคของผู้ปกครองไปใช้ในทางมิชอบ โดยเฉลี่ยแล้ว คิดเฉพาะสี่ปีให้หลัง น่าจะไม่ตำกว่าตัวเลข 1000 รายที่บริจาคต่อปี x 300 บาท ต่อ คน = 300,000 x 4 ปี = 1,200,000 บาท
และเงินค่าเรียนพิเศษ 1000 บาทต่อหัว ต่อเทอม x 1800 คน = 1,800,000 บาทต่อเทอม x 2 เทอม = 3,600, 000 ต่อปี
แบ่งให้ครู 30% = 1,080,000 บาท = เหลือ 70% = 2,520,000 บาท
รวมสองปีที่เก็บเงินเรียนพิเศษไปแล้ว = 7,200,000 บาท
หัก ค่าแรงคุณครู = 2,160,000 บาท
ได้ค่าต๋งไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟโรงเรียนที่จริงๆ รัฐออกให้ = 5,040,000 บาท
เงินสองก้อนนี้ไปไหน รวมแล้ว อาจจะเกือบ สิบล้านบาท
ตัวเลขนี้ ยังไม่รวมจุดอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ การจัดซื้อเสื้อผ้า กระเป่าที่นอน เครื่องเขียน การจัดจ้างสร้างเหมาปรับปรุงสถานที่ การตบแต่งภูมิทัศน์ การจัดซื้อประกันอุบัติเหตุที่ต้องให้ผุ้ปกครองสำรองจ่ายเงินเอง
โดยอ้าง (อ้างตลอด) เพื่อความสะดวก ส่วนต่างของที่บริษัทประภันภัยเก็บกับเงินที่เก็บจากผู้ปกครอง ไปเข้าบัญชีใคร และเงินตรงนี้ ใครมีอำนาจหากำไรได้
ช่วยบอกด้วย ว่าเขตตรวจสอบ เจอซากอะไร บอกได้ไหม เงินน่ะที่ให้มาตรวจสอบ อยู่ตรงไหนของงบโรงเรียน อยู่บัญชีธนาคารไหน ชื่อของใคร ให้เขตมาตรวจสอบเงิน ดันมาตรวจสอบคุณภาพครูผู้สอน คุณภาพมันจะมีได้อย่างไร การอบรมการจัดการให้คุณครูมีประสิทธิภาพเป็นหน้าที่ของเขตตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เขตยังไม่ลงมาทำ เพิ่งมาตาสว่าง เพราะเบื้องบนจี้ลงมาทำให้
อย่ามาอ้างว่า คุณภาพโรงเรียนตั้งใหม่ไม่ดี แบบวันแรก มีโรงเรียนไหนบ้างคุณภาพการสอนภายในเขตจังหวัดชลบุรี มีประสิทธิภาพดีเยื่ยมไม่มีที่ติ ขอให้เสนอตัวอย่างมาด้วย โรงเรียนเอกชน โรงเรียนรัฐ หรือโรงเรียนมูลนิธิฝรั่ง ให้เอาอันดับโรงเรียนมายืนยันด้วย
และเทียบกับเงินที่หลอกเก็บจากผู้ปกครองด้วยว่า คุ้มกับเม็ดเงินหรือไม่ อย่าเอาวัยวุฒิ คุณวุฒิมาข่ม เพราะสมัยไหนๆ มันซื้อหา วิ่งเต้นกันได้หมด ต้องเอาความจริงและวิสัยศักยภาพจริงๆ มาคุย ว่าทำได้ไม่ได้ บกพร่องเอง อย่างไร
ส่วนการไปกล่าวโทษ อดีต ผอ.คเชนทร์เทพ ที่เปิดหมวกลาออกไปแล้ว ว่าผิดคนเดียว อย่าทำอย่างนั้นเลย แกผิดแล้วทำอะไรได้ ก้ลาออกไปแล้ว ชาวบ้านไม่ใช่ตาสีตาสา จะได้เชื่อในทุกคำที่ท่านโยนไปใส่ การกล่าวถึงปัญหาในโรงเรียน อยากรู้ความจริงเกิดจากใคร ไปถามคนในชุมชน ก็ได้เพราะไปถามครูผู้รู้ดีที่สุด อาจจะไม่กล้าเปิดปากบอกเอา เพราะกลัวโดนไล่ออก เขตยังไม่กล้า ครูจะกล้าได้ยังไง เพราะเขตยังเชียร์คนที่ถูกตรวจสอบสุดลิ่มทิ่มประตู คนบ้ามันยังไม่กล้าพูดเลย แล้วคนดีๆ เป็นคุณครูใครจะกล้าพูด และอีกข้อผู้ปกครองไม่ได้ออกมาเรียกร้องให้ ผอ.คเชนทร์เทพ อยากจะลงโทษอะไรแกก็เชิญ และก็ไม่ได้อยากเข้ามามีส่วนได้เสียในเงินโรงเรียนใดๆ ขอเพียงแค่ว่า ระบบใช้ผู้อนุญาติและมูลนิธิเป็นฐานเป็นศูนย์กลาง ไม่น่าจะใช้ได้อีกต่อไป เพราะมันส่อให้เห็นความล้มเหลวอย่างชัดเจน และมีอยู่ต่อไป โดยที่เคยก็ยอมรับเองว่า ไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วจะมารับประกันคุณภาพทางการศึกษาอะไรได้ เพราะมันไปเกี่ยวกับแนวทางการบริหารโรงเรียนอยู่ชัดๆ มีที่ไหนบ้าง ผู้บริหารที่มีอำนาจและอิธิพลสูงสุดแย่ ระบบผู้ใต้บังคับบัญชาจะดี มันก็ต้องแย่ตามกัน หลักการแค่นี้ มันต้องรับให้ได้ก่อน ก่อนจะมาแถลงอะไรออกไป หรือทำรายงานให้ใครรู้
และการตรวจสอบ ควรบอกด้วยว่า ใครเป็นผู้มีสิทธิในเงินก้อนนั้น และเงินก้อนนั้นจะเก็บเอาไว้ทำอะไร เอาไปลงทุนที่ไหนในโรงเรียน งบที่ให้มาตรวจสอบ มีความเป็นไปได้ในทางตัวเลขแค่ไหน มีที่มาที่ไป หลักฐานประกอบ ย้อนหลังมีหรือไม่ จริงเท็จประการใด หลักฐานทุกอย่างเดี๋ยวนี้ เทคโนโลยีไปไกลมาก แบ็งค์ยังปลอกกันได้ นับประสาอะไรกับใบเสร็จ บิลเงินสด ธรรมดาๆ ตรายางห่วยๆ ใครก็ทำได้ มันอยู่ที่ว่าตรวจเข้มแค่ไหน รู้เห็นเอื้อเฟื้อกันแบบไหน
ส่วนข้อเสนอหลายฝ่ายที่ให้ยื่นเรื่องเสนอหน่วยงาน หลายแห่งในกรุงเทพฯ นั้น กำลังพิจารณากันอยู่ เพื่อไม่ให้มีการปิดกั้นและยุติปัญหา ด้วยการนำเสนอผลการตรวจสอบและข้อมูล อย่างปิดบังซ่อนเร้นอีกต่อไป
ขอยืนยันผ่านหน้าเว็บประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี อีกครั้งว่า การตรวจสอบไม่ได้ทำอย่างที่พูด สิ่งที่พูดไม่ได้อยู่บนมาตรฐานการศึกษาสมัยใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นมาตรการการศึกษาที่สนองตามระบบใหญ่จากหน่วยงานระดับสูง แต่วิธีคิดและปฏิบัติยังเป็นเหมือนเดิม และล้าสมัย ไม่ทันต่อสถานการณ์ ส่วนการติดตามผลงานของหน่วยงานราชการผ่านโทรศัพท์มือถือ นั้น ไม่น่าจะเป็นระบบการทำงานที่มีมาตรฐานได้
เป็นการใช้เครื่องมือเทคโนโลยี่ มาอำนวยความสะดวกเท่านั้น ไม่สามารถทราบข้อมูลที่แท้จริงได้ สิ่งเดียวที่กลัวกันก็คือ อย่าให้ออกข่าว อย่าให้สื่อมวลชนลงมาทำข่าวให้ดัง อันเป็นสิ่งที่กลบปัญหา ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาระยะยาว อันเป็นวิสัยของนักบริหารงานที่ดีได้
การที่กำลังกำเนิดเครือข่ายผู้ปกครอง ขึ้น เพื่อให้มีโอกาสในการติดตามคุณภาพชีวิตและโอกาสในการเรียนรู้ของนักเรียนของได้ครบถ้วน เหมาะสมตามเงินที่รัฐ จ่ายให้ 100% ไม่โดนเอารัดเอาเปรียบ และการที่นักเรียนได้เรียนฟรี ไม่ใช่ความเมตตากรุณาปราณีจากข้าราชการและมุลนิธิแต่อย่างใด โปรดอย่าแอบอ้าง เอาความดีใส่ตนเอง
ขอให้เลิกนำความคิดของผู้รับการขออนุญาต และเป็นประธานโรงเรียน มาแอบสั่งการ มาปิดกั้นโอกาสของนักเรียน คุณครู และบุคลากรอีกต่อไป เพราะโรงเรียนและที่ดินไม่ใช่ของเจ้าของเอกชนรายใด มูลนิธิเป็นเจ้าของ และมูลนิธิกำเนิดจากการบริจาคทั้งสิ้น ไม่ได้มาจากทรัพย์สินของกรรมการมูลนิธิและกรรมการโรงเรียนใดๆ ทั้งสิ้น
ด้วยจิตที่ต้องการให้มีการดำเนินการให้การศึกษา เป้นไปอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
เครือข่ายผู้ปกครองบูรพาวิทยา (ใครเบี่ยงเบนไม่ให้ตั้ง อยากให้ตั้งสมาคมมากกว่าเพราะตั้งได้ยุ่งยากกว่าเป็นหลายเท่า ระวังเจอศาลปกครองนะจ๊ะ)
ผู้ตั้งกระทู้ เครือข่ายผู้ปกครองในโรงเรียนบูรพาวิทยา :: วันที่ลงประกาศ 2010-06-04 10:16:13
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เชิญเขียนความเห็นที่นี่